[Review] Atomic Blonde – สวย เท่ ดุ…แต่ไม่สุด

ชอบ John Wick กันมั้ยครับ… ถ้าชอบ คิดว่าคงชอบ “Atomic Blonde” ผลงานเรื่องใหม่ของผู้กำกับ John Wick ภาคแรก ได้ไม่ยาก แต่ถ้าไม่… ก็อาจจะเป็นแบบผม ที่ค่อนข้างเฉยๆ กับ John Wick และเฉยๆ กับ “Atomic Blonde” เช่นกัน

สิ่งที่ทั้ง John Wick และ Atomic Blonde มีเหมือนกันนอกจากผู้กำกับ คือการพยายามสร้างตัวเอกให้เป็น Action Hero ที่มีลุคทั้งเท่ คูล พูดน้อย แต่โคตรเก่ง ผสมผสานกับฉาก Action ที่โหดและเลือดพุ่ง กระนั้น ปัญหาที่ทำให้ส่วนตัวเฉยๆ กับ John Wick คือรู้สึกว่ามันมีแค่ความเท่ แต่ไปไม่สุดเลยไม่ว่าจะในเรื่องเนื้อหา หรือฉาก Action ซึ่งปัญหานี้ก็ยังปรากฏใน Atomic Blonde เหมือนกัน

พูดถึงเนื้อเรื่องนิด Atomic Blonde เล่าเรื่องของสายลับสาวผมบลอนด์ “Lorraine Broughton” (Charlize Theron) ที่่ได้รับภารกิจแฝงตัวเข้าไปในเยอรมัน ช่วงก่อนหน้ากำแพงเบอร์ลินจะแตกไม่นาน จากนั้นก็มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้น บอกเล่าแค่นี้พอ เพราะสิ่งที่ Atomic Blonde ต้องการขายจริงๆ คือ “สไตล์” ต่อให้สุดท้ายคุณจะยังงงๆ กับเนื้อหาว่ามันอะไรกันแน่ แต่ขอแค่ให้จำความเท่ ความคูล ของสายลับสาวผมบลอนด์คนนี้ได้ก็พอ

ด้วยเหตุนี้ หนังจึงพยายามบิวท์ตัวเอกมากเหลือเกิน พยายามทำให้เราคิดว่าตัวเอกนั้นโคตรเก่ง ผ่านคำบอกเล่าของคนรอบข้าง บิวท์กันจนเราคาดหวังว่าตอนปะทะกันจริงๆ มันต้องสุดแน่ แต่ก็ปัญหาเดียวกับที่รู้สึกกับ John Wick นั่นคือ ได้ไม่เท่าที่บิวท์เอาไว้ แม้ใส่ฉาก Action ที่ดูโหด ดูดุดันเข้าไป แต่มันก็แทบเป็นกราฟเดียวกันตลอดทั้งเรื่อง ไม่ค่อยมีฉากไหนที่โดดเด่นเป็นพิเศษ อาจจะยกเว้นฉาก Action ในอพาร์ทเมนท์ช่วงครึ่งหลังของเรื่อง ที่ยกให้เป็นส่วนที่ดีสุดของหนังเลย

ที่ไม่ชอบอีกอย่างใน Atomic Blonde คือการที่หนังพยายามหยิบเอาเพลงยุค 80’s มาใช้ประกอบ โดยเฉพาะในฉาก Action โอเค แม้เพลงที่ใช้จะเพราะและฟังดูคึกคักดี แต่การที่หนังพยายามยัดเพลงเข้าไปในหนังแทบทุกฉาก จะสู้กันที ก็ให้ตัวละครเดินไปเปิดเพลงก่อน ถ้าเยอะเกินก็เฝือไปนะ ยิ่งช่วงนี้มีหนังหลายเรื่องที่พยายามดึงเอาเพลงเก่าๆ มาใช้ประกอบ จนบางทีแยกไม่ออกว่าเอามาใช้เพราะเข้ากับหนังจริง หรือแค่ทำตามกระแสการใช้เพลงเก่าเท่านั้น กลายเป็นว่า ฉากที่ดีที่สุดในเรื่องกลับเป็นฉาก Action ที่ไม่ต้องใช้เพลงอะไรมาประกอบเลยซะงั้น

โดยรวมจึงค่อนข้างเฉยๆ กับ Atomic Blonde แต่ถ้าใครชอบสไตล์แบบ John Wick ก็น่าจะสนุกกับสายลับคนนี้ได้อยู่นะครับ

ดูอะไรต่อดี: John Wick (2014), John Wick 2 (2017)

Previous article[Review] Valerian and the City of a Thousand Planets – ความล้ำสมัยที่ตกยุค
Next article[Review] NMB48 Asia Tour 2017 Live in Bangkok – ครั้งแรกกับคอนไอดอลญี่ปุ่น

Avatar photo
Latest posts by จุรีพร โนนจุ่น (see all)