[Review] Guardians of the Galaxy Vol.2 – Mixtape ม้วนใหม่ หัวใจเพื่อพ่อ

จุดแข็งสำคัญของหนัง Marvel ที่ส่วนตัวมักพูดถึงอยู่เสมอๆ คือไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน ตัวเราจะรู้จักตัวละครในเรื่องนั้นมาก่อนหรือไม่ แต่มันจะเป็นหนังที่ทุกคนสามารถ “บันเทิง” ไปกับมันได้ตั้งแต่ครั้งแรก และ “Guardians of the Galaxy” คือหนัง Marvel ที่ตรงตามนิยามนี้มากที่สุด ทั้งคาแรกเตอร์ตัวละครที่น่าสนใจแถมบางตัวยังน่ารักน่าชัง เนื้อเรื่องที่ไม่เคร่งเครียด มีมุขตลกแทรกตลอด ไปตลอดจนการขายสไตล์ด้วยการผสมผสานบทเพลงจาก 70’s – 80’s เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหนัง ที่กลายมาเป็นอีกหนึ่งภาพจำของหนัง ไม่แปลกที่เราจะบันเทิงกับมันได้ง่าย

ส่วนตัวแล้วก็รู้สึกบันเทิงกับ Guardians of the Galaxy ภาคแรกพอควร แต่ถ้าถามว่าถึงขนาดติดใจ ประทับใจมั้ย…ก็มั้ย หลักๆ เพราะเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างธรรมดามาก แถมตัวร้ายที่ค่อนข้างง่อยมากอีก (ตัวร้ายภาคแรกชื่ออะไรแล้วนะ…ลืมละ) ซึ่ง “James Gunn” ก็คงทราบถึงข้อติดในเรื่องนี้ ใน “Guardians of the Galaxy Vol.2” เราจึงเห็นตัวร้ายที่ดูพัฒนาขึ้นกว่าภาคแรกมากมาย ทั้งความร้ายกาจ แรงจูงใจ และความเกี่ยวพันกับเหล่า Guardians

ตัวร้ายของเรื่องยังเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับประเด็น “ครอบครัว” ที่ถูกชูขึ้นมาเป็นประเด็นหลักของเรื่อง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็น Theme หลักของหนัง Hollywood ฟอร์มยักษ์ปีนี้หรือไง เพราะเล่นเรื่องครอบครัวกันหลายเรื่องเหลือเกิน โดยที่ใน Guardians of the Galaxy Vol.2 จะเน้นไปที่การตัดสินใจต้องเลือกของ “Peter Quill” หรือ “Star-lord” (Chris Pratt) ระหว่าง “Ego” (Kurt Russell) พ่อของเขาที่ถือเป็นครอบครัวแท้ๆ คนสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่ กับเพื่อนร่วม Guardians ที่แม้ไม่ได้สัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับครอบครัวของเขาเหมือนกัน รวมไปถึง “Yondu” (Michael Rooker) คนที่เลี้ยงดูเขามาจนอาจถือว่าเป็นพ่อคนหนึ่งได้เหมือนกัน

ประเด็นการต้องเลือกครอบครัวนี่คล้ายๆ Fast8 เหมือนกันแฮะ…บอกแล้ว ครอบครัวเป็น Theme หลักของหนัง Hollywood ฟอร์มยักษ์ปีนี้

และถ้าเรารู้สึกว่าไคลแมกซ์ในภาค 1 นั้นง่ายเกินไป และออกแนวกำปั้นทุบดิน น่าจะพอใจกับภาค 2 เลย เพราะครั้งนี้ไม่ได้มาแบบง่ายๆ แล้ว แต่เต็มไปด้วยความสนุก ลุ้นระทึก แถมการเลือกเพลงประกอบในช่วงไคลแมกซ์ก็ทำได้เข้ากันทีเดียว

แต่ปัญหาก็คือสิ่งที่ว่ามาข้างบนกว่าจะมาก็ปาไปช่วงองก์ 3 ในขณะที่ช่วงองก์ 1 กับ 2 นั้น ดูเหมือนหนังไปติดอยู่กับการ “พยายาม” สร้างความบันเทิงมากเกินไป ทั้งการพยายามใส่มุขเข้ามาจนล้น ขายความน่ารักของตัวละครโดยเฉพาะ “Baby Groot” (ซึ่งก็น่ารักจริงๆ แหละ) ไปจนถึงกับการใส่เพลงยุค 70’s – 80’s เข้ามาเป็นระยะๆ เข้าใจว่าหนังคงคิดว่านี่เป็นจุดเด่นที่คนชอบจากภาคแรก เลยใส่มาเต็มที่ แต่บางทีการใส่มามากเกินไปมันก็ล้นจนเฝือและแป๊กได้เหมือนกันนะ

ส่วนตัวชอบองก์ 3 มาก และชอบมากกว่าภาคแรก กระนั้น ความพยายามบันเทิงมากไปในองก์ 1 กับ 2 ก็ยังทำให้รู้สึกกับภาคนี้คล้ายๆ กับภาคแรก “บันเทิงแต่ไม่ถึงกับติดใจ”

Avatar photo
Latest posts by จุรีพร โนนจุ่น (see all)