[Review] London has Fallen – อเมริกาจงยิ่งใหญ่ Donald Trump จงยิ่งใหญ่

“Benjamin Asher” (Aaron Eckhart) อาจถือได้ว่าเป็นประธานาธิบดีที่ดวงซวยที่สุดในสหรัฐฯ ไม่เพียงเท่านั้น ยังพาคนอื่นดวงซวยตามไปด้วย เพราะหลังจากได้รับตำแหน่ง นอกจากเมียจะตายไป แถมเกิดเหตุถล่มทำเนียบขาว จนคนสำคัญในรัฐบาลตายไปกันเกือบหมด ใน “Olympus Has Fallen” ผ่านไป 3 ปี Asher ที่ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็แสดงสำเดชดวงกาลกิณียิ่งกว่าเจี๊ยบ เลียบด่วนอีกครั้ง แต่คราวนี้พาความซวยมาถึงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมีเหล่าผู้นำประเทศ G8 มารับกรรมไปด้วย

แต่นับว่าประธานาธิบดี Asher ยังทำบุญมาดีมาก เพราะถึงจะซวยแค่ไหน แค่ก็มีคู่บุญผู้พก Skill พระเอกมาเต็มเปลี่ยม อย่างบอดี้การ์ดส่วนตัว “Mike Banning” (Gerard Butler) ที่ภาคที่แล้วโชว์เก่ง โชว์เทพ โชว์โหดขนาดไหน ภาคนี้จัดหนักให้อีก 2 เท่า จนแอบสงสารตัวร้ายหน่อยๆ แต่ที่สงสารสุดก็บรรดาผู้นำประเทศต่างๆ ที่มีบทมาเพื่อให้ถูกฆ่าอย่างง่ายๆ แถมยังถูกมองด้วยสายตาดูถูกและตลกขบขันจากตัวหนังอีก

ถ้าใครได้ดู Olympus Has Fallen จะรู้สึกได้ว่าสารที่ซ่อนอยู่ในหนังเรื่องนั้น ก็คือความพยายามในการเชิดชูอเมริกา ทำให้เห็นว่า “อเมริกานั้นยังยิ่งใหญ่เสมอ” แม้ในวันที่อาจจะเพลี่ยงพล้ำไปบ้าง แต่ก็กลับมาได้อย่างรวดเร็ว และพวกที่เข้ามาทำร้ายอเมริกา ก็ไม่ต่างอะไรจากขยะ ที่อเมริกามีสิทธิจะจัดการได้อย่างเด็ดขาด (จะโหดอย่างไรกับมันก็ได้ แต่ห้ามมันโหดกับประเทศชั้น) ซึ่งถ้าคุณเบื่อกับ “ชาตินิยมล้นเกิน” ในภาคแรก ภาค “London Has Fallen” จะยิ่งสร้างความกระอักกระอ่วนจนอยากสำลักเป็นลุงแซมยิ่งกว่านั้นอีกเป็น 2 เท่า

“London Has Fallen” ยังคงยึดคติ “อเมริกาคือผู้ยิ่งใหญ่” แม้ในวันที่เลวร้าย เมื่อผู้ก่อการร้ายอาหรับโจมตีกรุงลอนดอน และฆ่าผู้นำจากลุ่มประเทศ G8 ที่มาร่วมงานศพของนายกรัฐมนตรีอังกฤษเกือบทั้งหมด แต่อเมริกาก็สามารถรอดพ้นมาได้ แถมยังโต้กลับกลุ่มผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ได้ด้วย หนังยังพยายามสร้างความชอบธรรมในการที่อเมริกาในการเข้าไปยุ่งเกี่ยวและทำสงครามในประเทศอื่น โดยเฉพาะประเทศกลุ่มอาหรับ ว่ายังมีความจำเป็นอยู่ เพื่อป้องกันความปลอดภัยในอนาคต ขณะเดียวกันหนังก็มองประเทศอื่นด้วยสายตาที่ดูถูกและตลกขบขันอย่างที่บอกไปข้างต้น เช่น อังกฤษกลายเป็นประเทศที่อ่อนด้อยในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเป็นกองทัพเข้ามาง่ายๆ ความมั่นคงเปราะปางยิ่งกว่าเพลงของ Bodyslam เสียอีก ผู้นำแคนาดาเพื่อนบ้านผู้แสนน่ารัก ก็ถูกสร้างภาพว่าสนใจแต่เรื่องลูกสาวสอบใบขับขี่ไม่ผ่านมากกว่าสนใจจะมาร่วมพิธีศพจริงๆ ญี่ปุ่นก็ดูเป็นตาลุงแก่ๆ ที่ดันขับรถไปเจอรถติด ขณะที่ ปธน.สหรัฐฯ มีปิดถนนให้ ยิ่งอิตาลีนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ผู้นำใช้เวลางานศพมาเป็นที่พลอดรักกับสาวซะงั้น

และสำหรับใครที่รู้สึกว่า Olympus Has Fallen มันเว่อร์ไป ทำเนียบขาวอะไรจะโดนยึดได้ง่ายดายขนาดนั้น พอดู London Has Fallen จบ คุณจะเปลี่ยนความคิด และยกให้ภาคแรกเป็นหนังที่โคตรสมจริง สมเหตุผลทันที เพราะเรื่องนี้ลอนดอนโดนยึดได้ง่ายดายเหลือเกิน งานที่โปรโมตว่าเป็นงานรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุด กับปล่อยให้คนเข้ามาบุกยึดและวางระเบิดได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน ทำไมมันช่างเปราะบางเหลือเกิน อ่อนแอจนเกินจะเข้าใจ

และสุดท้าย ไม่ว่าจริงๆ แล้วผู้สร้างหนังเรื่องนี้จะมีความคิดทางการเมืองแบบไหน สนับสนุน Democrat หรือ Republican แต่เชื่อมั่นว่ามันจะเป็นหนังที่ “Donald Trump” ว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรค Republican ปีนี้ชื่นชอบแน่นอน เพราะทั้ง 2 มีความเหมือนกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความดุดัน โอ้อวด ชาตินิยม เหยียดชาติอื่น และมีความชอบธรรมให้ตัวเองเสมอ

กระนั้น สิ่งที่ยอมรับอย่างหนึ่งจากหนังเรื่องนี้ คือ ฉาก Action มันก็มันส์ดีเหมือนกันนะ เหมือนกับเวลาเราตามข่าวของ Trump ที่เราก็ไม่ชอบเขาหรอกนะ แค่สไตล์การหาเสียงของ Trump มันมันส์ มันดึงความสนใจได้ดีจริงๆ เหมือนกัน

 

Share

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Avatar photo
Latest posts by จุรีพร โนนจุ่น (see all)