[Review] หลวงพี่แจ๊ส 4G – จากหลวงพี่เท่งสู่หลวงพี่แจ๊ส…จากพระชาวบ้านสู่พระนักแว๊นซ์

“หลวงพี่เท่ง” เป็นหนังไทยแนวตลกเรื่องแรกๆ ที่สามารถทำเงินทะลุ 100 ล้านบาทได้ ทั้งยังเป็นหนึ่งในความสำเร็จของวงการหนังไทยในยุค “ตลกทำหนัง” ที่ครองความยิ่งใหญ่อยู่พักหนึ่ง ความสำเร็จนี้ทำให้มีการสานต่ออีก 2 ภาค โดยเปลี่ยนตัวหลวงพี่ทุกภาค แต่ทุกภาคจะความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ตัวหลวงพี่ก่อนจะบวชนั้น จะเป็นคนที่ใครๆ ก็คิดว่าไม่น่าจะมาบวชได้ ไม่ว่าจะเป็นนักเลง แรปเปอร์ หรือนักร้องอินดี้ การบวชในหลวงพี่เท่งจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันหลวงพี่เท่ง 3 ภาคแรกนั้นให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างพระกับชุมชนพอควร โดยเฉพาะชุมชนต่างจังหวัดหรือชนบท เราจึงได้เห็นหลวงพี่ทั้ง 3 ภาคนั้นไปจำวัดอยู่ในชนบท และมีเหตุให้ต้องเข้าไปช่วยเหลือชุมชนในเรื่องต่างๆ อยู่เสมอ

แต่มีขึ้นก็ต้องมีลง เมื่อหลวงพี่เท่งภาคหลังๆ รายได้เริ่มลดลง กระแสตลกทำหนังก็เริ่มไม่ได้รับการตอบรับจากผู้ชม หลวงพี่เท่งก็เลยต้องลาจอไป จนกระทั่งเมื่อปลายปี 2558 ก็มีกระแสข่าวว่า จะมีการนำหลวงพี่เท่งมาทำใหม่อีกครั้งเป็นภาคที่ 4 ในชื่อว่า “หลวงพี่แจ๊ส 4G”

JAS 4G

การเกิดขึ้นของหลวงพี่แจ๊ส 4G นั้น ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ก็เกิดขึ้นเอง แต่เกี่ยวพันอย่างมีนัยยะสำคัญกับการประมูลคลื่นความถี่ของชาติ เพราะเดิมทีนั้น ค่ายที่เป็นเจ้าของหนังเรื่องนี้นั่นก็คือ “Mono Film” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่ม “Jasmine” หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า “JAS” โดยกลุ่ม Jasmine ได้ตั้งบริษัท JAS Mobile Broadband เข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่ทั้งคลื่น 1800 และ 900 โดยหวังจะเข้ามาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาด Mobile และนำคลื่นที่ได้ไปทำเป็น 4G

ดังนั้น แม้จะไม่มีการบอกอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็นที่รู้จักว่า “หลวงพี่แจ๊ส 4G” นั้นทำขึ้นมาเพื่อโปรโมตตัว 4G ของ JAS เป็นการเฉพาะ จำได้ว่า ตอนแรกวางคิวฉายไว้ตอนปลายพฤศจิกายน 2558 หลังการประมูลคลื่น 1800 ด้วยซำ แต่กลายเป็นว่า JAS ประมูลคลื่น 1800 ไม่ได้ ตัวหนังเลยต้องเลื่อนมา ในแง่การตลาดแล้ว ถือว่าการทำหลวงพี่แจ๊ส 4G เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมาก เพราะด้วยชื่อชั้นการเป็นภาคต่อของหลวงพี่เท่ง ทำให้เรียกความสนใจได้อยู่แล้ว ชื่อหนังยังพ้องกับชื่อบริษัท และ 4G ยังพ้องกับการเป็นภาคที่ 4 ของหนังชุดนี้ด้วย ที่สำคัญการได้ “แจ๊ส ชวนชื่น” ตลกชื่อดังแห่งยุคนี้ ที่กำลังฮอตสุดๆ จากกระแสเพลงหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว ยิ่งทำให้หนังมีวี่แววจะทำเงินได้ไม่ยาก แม้จะเป็นในยุคหนังไทยถดถอยก็ตาม

อย่างไรก็ตาม แผนทุกอย่างเหมือนจะไม่เป็นอย่างฝัน เพราะถึง JAS Mobile จะประมูลคลื่น 900 ได้ แต่กลับไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าประมูลงวดแรกได้ ซึ่งในระหว่างที่คาราคาซังอยู่นั้น หลวงพี่แจ๊ส 4G ก็ค่อยๆ กลายสภาพเป็นหนังเดี่ยวของตัวเอง มากกว่าจะเป็นภาคต่อหรือหนึ่งในจักรวาลหลวงพี่เท่ง และ Mono Film ก็ไม่ได้มีชื่อเป็นเจ้าของหนังอีกแล้ว เข้าใจว่าคงขายสิทธิในการจัดจำหน่ายไป โดยที่ค่ายที่มารับช่วงต่อก็คือ M Picture ในเครือ Major นั่นเอง

กระนั้น การเลื่อนฉายและย้ายค่าย กลับดูจะเป็นผลดีต่อตัว หลวงพี่แจ๊ส 4G แทน เพราะเมื่ออยู่ในมือ M Picture ทำให้เกิดปรากฎการณ์เทโรงฉายใน Major แต่จะว่าหนังมันทำเงินเพราะโรงฉายเยอะอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะถ้าสุดท้ายคนดูไม่เยอะจริง Major ก็ต้องยอมลดโรงอยู่ดี แต่นี่ไม่ คาดว่าเพราะชื่อของแจ๊สนั้นเรียกแขกได้พอควร และการที่หนังเลือกฉายในช่วงก่อนสงกรานต์ก็เป็นจังหวะที่เหมาะเหม็งมาก และถึงแม้จะมีบางส่วนค่อนข้างจะสาปส่งหนังเรื่องนี้ แต่ก็มีไม่น้อยเช่นกันที่พร้อมจะสนุกกับหลวงพี่แจ๊ส 4G

พระนักแว๊นซ์

หลวงพี่เท่ง 3 ภาคแรก แม้เรื่องราวแต่ละภาคจะเป็นเอกเทศ แต่ก็มีความเชื่อมต่อกันบางส่วน และทั้ง 3 ภาคกำกับโดย โน้ต เชิญยิ้ม แต่หลวงพี่แจ๊สนั้นแตกต่างไป หนังเปลี่ยนทีมสร้างมาเป็นทีมของพจน์ อานนท์ (ซึ่งบอกว่าตนแค่อำนวยการสร้างเท่านั้น ไม่ใช่กำกับ) และเรื่องราวที่ไม่เชื่อมต่อกับหลวงพี่เท่งเก่าเลยแม้สักนิดเดียว และถึงแม้หลวงพี่แจ๊ส 4G จะดูเหมือนมาในทางหนังพระตลกเช่นเดียวกับหลวงพี่เท่ง แต่แก่นหลักของเรื่องนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ในขณะที่หลวงพี่เท่ง 3 ภาคแรก พยายามชูบทบาทพระของชุมชน เน้นความสัมพันธ์ระหว่างพระกับชาวบ้าน ในแง่ที่พระเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน แต่หลวงพี่แจ๊สนั้นเป็นพระ “นักแว๊นซ์” ที่ไม่มีอะไรมากไปกว่า การพยายามสร้างพระในแบบที่วัยรุ่นเทพบุตรขาซิ่งของเมืองไทยอยากเห็น นั่นจึงทำให้หลวงพี่แจ๊สเป็นพระที่มีความแสบ ซ่า ฮา หญิงติดตรึม (ซึ่งที่มาติดก็แนวๆ สก๊อยส์สไตล์ทั้งนั้น) มีความคึกคะนอง ไม่กลัวผู้ใหญ่ และสามารถเล่นหัวกวนตีนกับเพื่อนได้อย่างไม่ถือตัว แม้จะเป็นพระอยู่ก็ตาม ไม่แปลกถ้าหนังเรื่องนี้จะเป็นที่ถูกใจของวัยรุ่นโดยเฉพาะขาซิ่ง เพราะมันตอบโจทย์สิ่งที่เขาต้องการได้ แต่หากเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่สูงวัยขึ้นมาหน่อย อาจรู้สึกอยากเบือนหน้าหนีกับหนังเรื่องนี้ก็เป็นได้ ส่วนกลุ่มชนชั้นกลางหรือนักวิจารณ์ก็คงไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว…ด่าไปก็เท่านั้นละ

พระแบบพระแจ๊ส อาจไม่ใช่พระในฝันของคนหลายคน แต่พระแบบนี้ก็มีอยู่จริงในสังคมไทย เป็นพระที่ไม่ได้เข้ามาบวชเพื่อเน้นหาหลักธรรมอะไร แต่บวชเพื่อแก้ไขปัญหาของตัวเองอะไรบ้างอย่าง ซึ่งทำให้พระแบบนี้อาจจยังมีความเป็นฆราวาสอยู่พอควร กระนั้นข้อดีคือพระแบบนี้จะเป็นที่สนิทสนมกับคนทั่วไปได้ง่ายกว่า ซึ่งในที่นี่ก็คือวัยรุ่นขาแว๊นซ์นั่นเอง หนังหลวงพี่แจ๊ส 4G จึงไม่ได้เป็นหนังที่มีเป้าหมายเพื่อนำเสนอหลักธรรมอะไรมากมาย (ในเรื่องแทบไม่พูดถึงหลักธรรมเลย ขนาดศีล 5 ยังเรียงลำดับผิด) แต่ต้องการทำให้พระนั้นดู Cool ดูเท่ แม้แต่เทพบุตรนักซิ่งยังให้การยอมรับ (ถ้าเราคิดว่าหนังเรื่องนี้ยังมีเป้าหมายอยู่บ้าง)

นะโม พุทโธ สังโฆ

แม้ “พจน์ อานนท์” จะออกมาบอกว่า เขาไม่ได้เป็นคนกำกับหนังหลวงพี่แจ๊ส 4G เป็นเพียงผู้อำนวยการสร้างเท่านั้น ผู้กำกับจริงๆ เป็นหน้าใหม่ที่ใช้ชื่อนามแฝงว่า “นะโม พุทโธ สังโฆ” กระนั้น หลวงพี่แจ๊ส 4G ก็เป็นหนังที่สไตล์ความเป็นพจน์ อานนท์สูงมาก โดยเฉพาะบรรดานักแสดงสมทบซึ่งเต็มไปด้วย “เด็กพจน์” ทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ประเด็นคือหน้าใหม่ส่วนใหญ่ก็เป็นหนุ่มใสๆ หน้าตาดี แต่ไม่ได้มีความเข้ากันได้กับเนื้อเรื่องเลย บางคนเล่นแข็งมาก ขณะที่บางคนก็จัดมาเสียโอเวอร์สุดขีด มันดูฝืนเกินไป ไม่ช่วยส่งเสริมเด็กใหม่เหล่านี้เลย เหมือนกับเป็นเพียงแค่หางานให้เด็กในสังกัดได้มีโอกาสเล่นเท่านั้น

เอกลักษณ์หนังพจน์อีกอย่างคือการเล่นมุขเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะว่าเป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ก็ได้ หนังหยิบเอาประเด็นสังคมโดยเฉพาะในโลกออนไลน์มาเล่น ไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์ดีเจเก่ง พระปะทะทหาร เพจปลอม โตโน่แพท ลูกเทพ ฯลฯ ส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่เกิดขึ้นปีนี้ นั่นทำให้หนังมีความทันสมัยมาก และคนยังจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้อยู่ พอมาเจอการเล่นมุขในลักษณะการจำลองเหตุการณ์ เสียดสี ประชดประชัน เลยทำให้เราขำไปได้หลายฉาก บางทีก็ไม่ได้ขำในมุขมันเองหรอก แต่ขำเพราะเรานึกไปถึงตอนเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง จะว่าไปก็อดนึกไม่ได้ว่า จริงๆ หนังมันถ่ายกันตอนเดือนก่อนหรือเปล่า ถึงได้มุขใหม่แบบนี้

อย่างไรก็ตาม การเล่นมุขเกาะกระแสปัจจุบัน ก็เป็นข้อเสียเช่นกัน เพราะนั่นทำให้หนังมีวงจรสั้นมาก ไม่น่าแปลกใจถ้าพจน์ อานนท์ จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีการทำแผ่น (ซึ่งไม่แน่ใจว่าไม่มีการทำแผ่นจริงๆ หรือไม่ทำแผ่นผี) เพราะถ้าเราไปดูตอนแผ่นแท้ออก อารมณ์ความสนุกก็จะหายไปเยอะ เพราะเมื่อถึงตอนนั้นมุขต่างๆ ก็จะเก่าลงไปมาก จนเราอาจลืมไปแล้วก็ได้ ถ้าจำได้ในตัวอย่างแรกๆ ที่ออกมา จะยังมีมุขไฟ 39 ล้านอยู่ด้วย แต่ในหนังจริงตัดออกไป คาดว่าเพราะมุขเริ่มเก่าแล้ว และถ้าสมมติหนังเลื่อนไปฉายช่วงเดือนหน้า ก็คงตัดไปอีกหลายฉาก และถ่ายมุขใหม่ๆ เข้าไปแทน

ดูเอาสนุกแบบไม่คิดอะไรมาก (ต้องไม่คิดอะไรจริงๆ) หลวงพี่แจ๊ส 4G ก็พอตอบโจทย์ได้ระดับหนึ่งด้วยมุขเกาะกระแสเหตุการณ์และตลกธรรมชาติของแจ๊ส ชวนชื่น แต่อย่าดูเอาเนื้อเรื่องเด็ดขาด เพราะมันไม่มีแก่นอะไรเลย เหมือนเอามุขเอาเหตุการณ์มาต่อๆ กันเท่านั้น แถมต่อกันได้ไม่เนียนด้วย อย่างเช่นเล่นมุขหวยออกวันที่ 16 เม.ย. แต่ผ่านไปสักพัก หลวงพี่แจ๊สกลับไปเล่นน้ำสงกรานต์ เฮ้ย ย้อนเวลาได้หรือไงนะ แต่ถ้าจะมีอะไรที่เราจะพอชื่นชมได้บ้าง จากเนื้อเรื่องที่ล่องลอย ไร้หลักเช่นนี้ ก็คงเป็นการที่เราคาดเดาไม่ได้ว่า มันจะไม่ลอยไปทางไหน ใครอยากดูหนังที่เดาทางยาก แนะนำเลย

Avatar photo
Latest posts by จุรีพร โนนจุ่น (see all)