[Review] Kazoku no Katachi – โสด vs. แต่งงาน อย่างไหนที่ชีวิตจะเป็นสุขมากกว่ากัน

หลายคนคงเคยเผชิญสถานการณ์แบบที่คนในครอบครัวมักคาดคั้นว่า “เมื่อไหร่จะแต่งงานสักที” “อยากอุ้มหลานแล้วนะ” “อยู่กัน 2 คนดีกว่าอยู่คนเดียวนะ” บลาๆ ซึ่งช่างเป็นคำถามที่ชวนให้อึดอัดใจ และบางทีก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี โดยเฉพาะกับหนุ่มสาวสมัยนี้ที่เริ่มรู้สึกว่า “การแต่งงานอาจไม่ใช่คำตอบของทุกเรื่อง” ที่พวกเขายังโสด ไม่ใช่เพราะหาใครไม่ได้ แต่เพราะเลือกแบบนี้เองต่างหาก และพวกเขาก็วางแผนจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปจนแก่ด้วยซ้ำ

“Kazoku no Katachi” (หรือ The State of Union) เป็นซีรี่ส์ญี่ปุ่นทางช่อง TBS ฉายไปเมื่อต้นปี 2016 ตัวซีรีส์สะท้อนภาพสังคมญี่ปุ่นปัจจุบันที่หนุ่มสาวในเมืองเลือกจะเป็นโสดกันมากขึ้น ซึ่งค่อนข้างสร้างความงุนงงของคนใน Generation ก่อนที่มองว่า จุดสูงสุดของชีวิตคือการแต่งงาน สร้างครอบครัว และมีลูก แม้ในเรื่องจะเป็นสังคมญี่ปุ่น แต่ภาวะเช่นนี้ก็เกิดขึ้นในหลายๆ ที่ทั่วโลกเช่นกัน 

ส่วนตัวห่างหายจากวงการซีรี่ส์ญี่ปุ่นไปหลายปี นี่ถือเป็นเรื่องแรกในรอบหลายปีที่ดูแบบเต็มเรื่อง จากเดิมที่ตัดสินใจดูเพราะเห็นเรื่องย่อน่าสนใจ และรู้สึกว่าน่าจะมีบางอย่างที่ใกล้เคียงกับชีวิตเรา ซึ่งพอได้ดูแล้วก็ไม่ผิดหวัง เพียงแค่ 3 วันก็ดูครบทั้ง 10 ตอน นอกเหนือจากความสนุก ตลก และ Feel Good นี่ยังเป็นซีรี่ส์ที่ให้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและความสัมพันธ์ได้ดีมาก บทแต่ละตอนมีความลื่นไหลและสะท้อนมุมมองต่างๆ ที่แต่ละตัวละครมีต่อชีวิตคู่ จบตอนนี้แล้วอยากดูตอนต่อไปทันที พอถึงตอนท้ายๆ ก็ไม่อยากให้จบ เพราะเราหลงรักทุกเรื่องราวและทุกตัวละครในเรื่องนี้จริงๆ

ตัวเอกของซีรีส์คือ “นากาโซโตะ ไดสุเกะ” (ชินโง จากวง SMAP) หนุ่มโสดวัย 39 ปี ที่ยึดถือคติ “สิ่งที่ฉันต้องดูแลก็คือตัวฉัน ครอบครัวฉันมีแค่ฉันก็เพียงพอแล้ว” เขาเลือกจะเป็นโสด เพราะชอบที่จะใช้ชีวิตคนเดียว มีความสุขกับงานอดิเรกของเขา ปั่นจักรยาน เข้าฟิตเนส และจิบเบียร์เย็นๆ ในแมนชั่นหรู ที่เขาเก็บเงินซื้อมา และยึดถือมันเป็นปราสาทส่วนตัวของเขา ไดสุเกะไม่ใช่พวกต่อต้านสังคม เขามีเพื่อน และเป็นที่เคารพรักในที่ทำงาน เขาแค่ถ้าเลือกได้ ก็จะชอบอยู่กับตัวเองมากกว่า การแต่งงานในความคิดของไดสุเกะคือที่มาของความยุ่งยาก และเขานึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าจะสามารถอยู่กับใครไปได้ตลอดชีวิต

ที่แมนชั่นแห่งนี้นี่เอง ไดสุเกะได้รู้จักกับ “คุมิไก ฮานาโกะ” (อุเอโนะ จูริ จาก Swing Girls และ Nodame Cantaile) ที่อยู่ห้องเหนือห้องของเขาไปชั้นนึง ฮานาโกะเป็นสาววัย 32 ปี ที่เลือกจะเป็นโสดไปตลอดชีวิตเช่นเดียวกับไดสุเกะ แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างกัน ขณะไดสุเกะเลือกจะเป็นโสดเพราะชอบที่จะอยู่คนเดียว แต่ฮานาโกะเลือกจะเป็นโสด เพราะเธอเคยผ่านชีวิตแต่งงานมาแล้วและจบลงด้วยการหย่าร้าง ซึ่งไม่มีใครรู้เหตุผลในการหย่าร้างนอกจากเธอและสามีเก่า

แม้มุมมองการใช้ชีวิตจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง และนิสัยที่เหมือนจะไม่เข้ากันเลย แต่ทั้ง 2 ก็กลายเป็นเพื่อนบ้านที่เข้าอกเข้าใจกันอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเมื่อชีวิตอันสงบสุขของเขากำลังถูกรุกรานโดย “พ่อแม่” ของพวกเขาเอง

ไดสุเกะต้องพบการเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ เมื่อกลับมายังห้องในคืนหนึ่งแล้วพบว่า “นากาซาโตะ โยโซ” (นิชิดะ โทชิยูกิ) พ่อของเขามาขออาศัยอยู่ด้วยแบบไม่บอกกล่าว แถมยังเซอร์ไพรส์ไปอีก เมื่อพ่อบอกว่าได้แต่งงานใหม่แล้ว และนำลูกติดของภรรยาใหม่ “โคตะ” (ทาคาดะ เฮียวกะ) มาอยู่ด้วยเช่นกัน สำหรับไดสุเกะ ที่หวงแหนความเป็นส่วนตัวอันเป็นที่สุด นี่ถือเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะการที่พ่อที่เมื่อก่อนแทบไม่พูดกับเขา แต่ตอนนี้กลับพยายามยุ่งกับเขาไปเสียทุกเรื่อง รวมถึงการคาดคั้นให้เขาแต่งงานให้ได้

ด้านฮานาโกะก็เช่นกัน แม่ของเธอ “คุมิไก ริทสึโกะ” (ฟุบุกิ จุน) ก็มาอยู่ด้วยโดยไม่บอกกล่าว แถมยังเจ้ากี้เจ้าการให้เธอแต่งงานอีกครั้ง ด้วยการจัดแจงให้พบกับ “ทากาเสะ คาซุยะ” (ทานากะ เคอิ) อดีตสามีที่อยากเริ่มต้นใหม่กับเธอ

ซีรีส์นำเสนอมุมมองเกี่ยวกับชีวิตของคน 2 วัย ขณะที่ไดสุเกะและฮานาโกะมองว่า การใช้ชีวิตเป็นโสดในยุคสมัยนี้นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดเป็นอย่างไร อีกอย่างพวกเขาก็เป็นพวกโสดอย่างมีความรับผิดชอบ คือเตรียมเงิน ทรัพย์สิน และสุขภาพที่ดีสำหรับใช้ในอนาคต โดยไม่ต้องหวังพึ่งเพียงเงินประกันสังคมหรือลูกหลานเลี้ยงแบบคนสมัยก่อน แต่ในมุมมองของคนรุ่นพ่อแม่พวกเขา กลับมองว่าการใช้ชีวิตตัวคนเดียวนั้นมันเหงาไป และคนเราจะมีความสุขก็น่าจะมีคนอื่นอยู่ด้วยกันสิ สองคนดีกว่าหนึ่งคนสิ

โยโซ: คือฉันไม่เห็นเข้าใจสักนิด เวลาเขาเหงาจะทำยังไงเหรอ… เพราะถึงแม้เขาจะอาศัยในแมนชั่นหรูหราแบบนี้ แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านเกิดใช่ไหม นอกจากนี้พอกลับบ้าน ก็ไม่มีใครคอยพูดว่า “ต้อนรับกลับบ้าน” สักคน ฉันว่าเขาต้องเหงาแน่เลย
ฮานาโกะ: เพราะอยู่โตเกียว… ไม่น่าจะเป็นอะไรนะคะ ตรงกันข้ามนะ มีคนมากมายที่เคยชินกับการอยู่คนเดียว เพราะอย่างนั้น… ถ้าคุณอยู่ที่นี่มานาน ท้ายที่สุดสุด ก็จะเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอคะ อยู่กับความเหงา

บางประโยคสนทนาจากในเรื่อง ที่ให้ภาพคนเมืองสมัยนี้ได้อย่างชัดเจน อย่างที่ว่าไว้ เรื่องนี้เขียนบทมาได้ดีมาก และไม่เฉพาะตัวละครหลัก ตัวซีรีส์ให้ความสำคัญกับตัวละครแวดล้อม มีการแทรก Sub-plot ของตัวละครอื่นๆ แต่เป็น Sub-plot ที่ไปสนับสนุน Plot หลักของเรื่อง ทำให้เราเห็นมุมมองอันหลากหลายต่อเรื่องการแต่งงานของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น

“มิกะ” แฟนเก่าของไดสุเกะ…ที่ตัดสินใจแยกทางกับไดสุเกะ เพราะเธอต้องการสามีที่จะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่แฟน
“คาซูยะ” สามีเก่าของฮานาโกะ…ที่เป็นตัวอย่างของคำว่าคนดี อาจไม่ใช่คนที่เราจะอยู่ด้วยตลอดชีวิต
“โชอิชิ” เพื่อนร่วมงานของไดสุเกะ…ที่อยากแต่งงานมาก เพราะอายุปาเข้าไป 39 แล้ว แต่หาคนมาแต่งไม่ได้สักที จนต้องพึ่งนัดบอด
“ฮารูโตะ” ลูกน้องของไดสุเกะ…ที่มองว่าแค่ได้อยู่ด้วยกันก็เพียงพอแล้ว มีจดทะเบียนสมรส ส่วนการแต่งงานเป็นเพียงธรรมเนียมที่ไม่จำเป็นก็ได้
หรือ “รินะ” ลูกน้องของฮานาโกะ…สาววัยใสที่ใฝ่ฝันแค่อยากแต่งงานและเป็นแม่บ้านของสามีก็พอแล้ว

ตัวซีรีส์อาจจะไม่ได้เน้นความโรแมนติกมากนัก เพราะใจความหลักคือเรื่องการใช้ชีวิต กว่าจะเริ่มมีความรู้สึกต่อกันก็ตอนท้ายๆ แล้ว แต่ในอีกมุมหนึ่งเราชอบพัฒนาความสัมพันธ์ของไดสุเกะและฮานาโกะ ที่พัฒนาจากคนแปลกหน้า กลายเป็นเพื่อนที่เข้าอกเข้าใจกัน เราว่าหลายคนอิจฉาความสัมพันธ์ของคู่นี่ ที่ไม่หวือหวา ไม่โรแมนติก แต่เป็นคนที่เราพร้อมจะแชร์ทุกเรื่อง โดยไม่สูญเสียพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองไป ตัวซีรีส์ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นโสดหรือแต่งงานอันไหนที่ดีกว่า อยู่คนเดียวอาจจะดี แต่อยู่สองคนก็ไม่ได้แย่เสมอไป มันขึ้นอยู่กับว่าเราเจอคนที่อยากอยู่ด้วยหรือยังต่างหาก

สำหรับใครที่อยากดูซีรีส์ Feel Good ให้แง่คิดดีๆ กับชีวิต โดยเฉพาะกับคนโสดวัยหลัก 3 หรือ 4 ไม่มีตัวอิจฉา ไม่มีเรื่องให้น่ารำคาญ และไม่ขายจิ้นจนเลี่ยน “Kazoku no Katachi” เป็นอีกเรื่องที่อยากให้พิจารณาครับ

Avatar photo
Latest posts by จุรีพร โนนจุ่น (see all)