[Review] Pretty Proofreader – พิสูจน์อักษร ไม่ได้มีแค่ตรวจคำผิดหรอกนะ

ไม่มีอาชีพอะไรที่ญี่ปุ่นจะหยิบมาทำซี่รีส์ไม่ได้ และครั้งนี้ก็เป็นคิวของนักพิสูจน์อักษร อาชีพที่หลายคนมองข้ามและมองว่าน่าเบื่อ “Pretty Proofreader” (ชื่อญี่ปุ่น “Jimi ni Sugoi! Koetsu Garu Kono Etsuko”) พาเราไปสำรวจโลกของการพิสูจน์อักษรที่ไม่ได้มีเพียงแค่การตรวจคำผิดเท่านั้น

“เอ็ตสึโกะ โคโนะ” (ซาโตมิ อิชิฮารา) หญิงสาววัย 28 ปี ผู้คลั่งไคล้ในแฟชั่น และใฝ่ฝันจะทำงานในกองบรรณาธิการนิตยสาร LASSY นิตยสารแฟชั่นที่เปรียบเสมือนไบเบิลของเธอ หลังจากความพยายาม 7 ปีของการสมัครงานที่ล้มเหลว ในที่สุดเอ็ตสึโกะก็ผ่านสัมภาษณ์ได้เข้าทำงานกับสำนักพิมพ์แห่งนี้ แต่กลายเป็นว่างานที่เธอได้รับคือ “แผนกพิสูจน์อักษร” ที่ไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกับแฟชั่นที่เธอใฝ่หาเลย อย่างไรก็ตาม หัวหน้าแผนกพิสูจน์อักษรกลับมองว่านี่คืองานที่เหมาะกับเธอที่สุด เพราะไม่มีใครที่จะโคตรตรงและเจ้ากี้เจ้าการในทุกรายละเอียดเท่าเธออีกแล้ว

ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน บวกอีก 1 ตอนพิเศษ การดำเนินเรื่องก็ตามสไตล์ซีรีส์อาชีพญี่ปุ่น ที่จะมีภารกิจย่อยๆ ในแต่ละตอน ที่พาไปรู้จักโลกของการพิสูจน์อักษรในด้านต่างๆ และมีพล็อตใหญ่หลวมๆ ที่เชื่อมแต่ละตอนเข้าด้วยกัน คือการลุ้นว่าเอ็ตสึโกะจะสามารถเปลี่ยนจากงานพิสูจน์อักษรไปเป็นกองบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นได้หรือไม่ โดยรวมก็ไม่ถึงกับพีคขนาดลุ้นทุกตอน แต่ก็ดูเพลินไม่น้อย

โดยทั่วไปเรามักเข้าใจว่าพิสูจน์อักษรคืองานตรวจคำผิด เอ็ตสึโกะ โคโนะ ตอนแรกก็คิดเช่นนั้น แต่จริงๆ อาชีพนี้มีมากกว่านั้น ไม่แค่เพียงดูว่าคำไหนสะกดผิด นักพิสูจน์อักษรในเรื่องยังต้องดูถึงระดับ/สำนวนภาษาที่ใช้ว่าเหมาะสมมั้ย เช่น ตัวละครเป็นวัยรุ่น แต่พูดศัพท์ที่ล้าสมัยแล้วก็คงไม่ได้ หรือทำหนังสือสำหรับเด็ก แต่ใช้ภาษายากเกินไปก็ไม่เหมาะเหมือนกัน ยิ่งกว่านั้น ในหลายๆ กรณีนักพิสูจน์อักษรยังต้องทำหน้าที่ถึงขั้นพิสูจน์ข้อเท็จจริงเหมือนกัน เช่น บทความแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวใน 1 วัน ก็ต้องดูว่ามันเป็นไปได้จริงแค่ไหน ชื่อและที่ตั้งสถานที่ตรงกับข้อเท็จจริงเพียงใด นักพิสูจน์อักษรบางคนในเรื่องถึงขนาดต้องทำโมเดลบ้านขึ้นมา เพื่อดูว่าที่บรรยายไว้ในนิยายนั้นตรงตามหลักความเป็นจริงแค่ไหน นอกจากนี้ หลายครั้งที่นักพิสูจน์อักษรอาจต้องย้อนกลับไปอ่านงานเก่าๆ ของนักเขียนคนนั้น ว่ามีความขัดแย้งกันหรือไม่

รวมทั้งยังมีกฎของนักพิสูจน์อักษรที่บางอย่างก็เพิ่งรู้เหมือนกัน เช่น คนบรูฟรอบ 1 และ 2 ควรเป็นคนละคนกัน หรือห้ามบรูฟงานของนักเขียนที่ตัวเองเป็นแฟนคลับ เพราะจะทำให้เกิดอคติในการทำงานได้ แต่แน่นอนสำหรับนางเอกของเราพร้อมจะแหกทุกกฎ เพื่อตอบข้อสงสัยของตัวเอง 555 ซึ่งนั่นคือความสนุกของเรื่องล่ะ

ไม่รู้นะว่า จริงๆ แล้วงานพิสูจน์อักษรของที่อื่นเป็นอย่างในเรื่องหรือเปล่า เพราะในซีรีส์บริษัทที่นางเอกทำงานก็เป็นสำนักพิมพ์ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นไปได้ที่ภาระงานพิสูจน์อักษรของที่นี่น่าจะเยอะและซับซ้อนกว่าที่อื่น อย่างไรก็ตาม ต่อให้เราจะไม่ได้ทำงานพิสูจน์อักษร แต่อย่างหนึ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้สื่อสารถึงเราก็คือ การทำให้เห็นว่างานทุกงานล้วนมีคุณค่าในตัวเอง แต่ก็คืออีกส่วนสำคัญที่ทำให้งานเขียนออกมาสมบูรณ์ที่สุด เพราะฉะนั้น จงเต็มที่และภูมิใจกับมันเถอะ งานเรามันจะด้อยค่าเมื่อเราคิดเอาเองว่ามันไม่มีค่าเท่านั้น

จริงๆ ยังมีประเด็น งานในฝัน vs. งานที่ทำได้ดี ด้วยนะ ซึ่งน่าจะโดนใจเด็กจบใหม่หลายคน เชื่อว่าทุกคนมีงานในฝันของตัวเอง และเราก็ได้ยินบ่อยๆ ว่าถ้าได้ทำงานที่ตัวเองชอบ อะไรๆ ก็จะเต็มไปด้วยความสุข แต่นั่นจริงหรือ นางเอกของเราก็เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ในเรื่องอยู่เหมือนกัน

ตามสไตล์ซีรีส์ญี่ปุ่น ไม่ค่อยเน้นเรื่องรักมากนัก เรื่องนี้แม้จะมีแทรกเรื่องราวความรักของเอ็ตสึโกะกับ “ยูคิโกะ โอริฮาระ” (มาซากิ สุดะ) นายแบบหนุ่มที่ควบอาชีพนักเขียนซึ่งมีอายุน้อยกว่า 5 ปี แต่ก็เป็นความรักที่ดูจะ Happy Ending และแสนธรรมดา เพราะจะแทบไม่มีดราม่าอะไรเลย (อย่างน้อยก็ใน 10 ตอนหลัก) กระนั้น มองอีกมุมเราว่า ซีรีส์ก็พยายามทำให้ความรักของ 2 คนนี้ดูธรรมดามากที่สุด เพื่อจะทำให้เห็นว่า “อายุ” มันไม่ใช่อุปสรรคความรักเลย ลองคิดว่าถ้าเป็นเรื่องอื่น ที่ผู้หญิงไปรักกับผู้ชายอายุน้อยกว่า มันต้องมีเล่นประเด็นความต่างของอายุแน่ๆ (ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นฝ่ายชายอายุมากกว่า กลับดูเป็นเรื่องปกติในสังคม) เช่นเดียวกับความรักชาย-ชาย ของตัวละครรองในเรื่อง ที่ซีรี่ส์พยายามทำให้มันดูเป็นเรื่องปกติในสังคม ก็ถือเป็นการพยายามเปลี่ยนค่านิยมของสังคมอนุรักษ์อย่างญี่ปุ่นในทางหนึ่ง

สำคัญสุดของเรื่อง ไม่พูดไม่ได้ คือ ซาโตมิ อิชิฮาร่า ที่รับบทนางเอกของเรื่อง สวยแบบวัยตายควายล้มมาก ยิ่งใส่แว่น ทำหน้าตาเคร่งเครียดกับการทำงานยิ่งโคตรทำลายล้าง แถมด้วยความที่เอ็ตสึโกะใฝ่ฝันอยากเป็น บก. แฟชั่น ทำให้เธอมาพร้อมกับสไตล์การแต่งตัวที่โดดเด่น สวยไปหมด และไม่ซ้ำกันเลย แค่ตอนนึงก็เปลี่ยนไปไม่รู้กี่ชุดละ ความสนุกอย่างหนึ่งของเรื่องนี้จึงเป็นการลุ้นว่าวันนี้ เอ็ตสึโกะ จะใส่ชุดแบบไหน ทำผมแบบไหนกันนะ

Avatar photo
Latest posts by จุรีพร โนนจุ่น (see all)